สงครามเทพอสูร


สงครามเทพอสูร

สงครามเทพอสูร (ภาษาอังกฤษArchon War) เป็นชื่อเรียกยุคสมัยสงครามแย่งชิงอำนาจระหว่างเหล่าเทพเจ้าอันปะทุขึ้นในเวลาหลายสหัสวรรษก่อนด้วยเหตุผลไม่เป็นที่แน่ชัด หากทว่าเหล่านักปราชญ์ใน Teyvat ต่างเชื่อกันว่าเกิดขึ้นจากความต้องการช่วงชิงตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์เจ็ดตำแหน่งบนแดนเซเลสเทีย ยุคสงครามเทพอสูรถึงคราวสิ้นสุดลงในเวลาสองพันปีที่ผ่านมาหลังจากที่ตำแหน่งสุดท้ายมีเทพได้ไป หากทว่าการรบในแต่ละภูมิภาคเริ่มเบาบางลงในเวลาไม่เท่ากัน

จุดจบของสงครามได้นำมาซึ่งระบอบใหม่ภายใต้การนำของเหล่าเทพเจ้าทั้งเจ็ด โดยแต่ละองค์ควบคุมธาตุแต่ละธาตุใน Teyvat และจัดตั้งประเทศธาตุขึ้นเจ็ดประเทศ กำหนดวิธีการบริหารบ้านเมืองผ่านอุดมคติของตนและปรับโฉมแผ่นดินของตนเองด้วยพลังแห่งธาตุ

ภาพรวม

สาเหตุว่าสงครามเทพอสูรเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้นยังคงเป็นเรื่องเร้นลับมาจนถึงปัจจุบัน เหล่าองค์เทพทั้งหลายต่างเคยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขในยุคก่อนเกิดสงคราม ฉะนั้นปัจจัยที่ทำให้สงครามปะทุจึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ การบริหารและกำลังบำรุงต่างๆในสงครามก็ไม่เป็นที่ปรากฎเช่นกัน ดังเช่นมีการแบ่งฝักฝ่าย แนวหน้า และชายแดนกันอย่างไร หรือต้องทำอะไรบ้างจึงมีสิทธิเรียกตนว่าเป็นผู้ชนะในตอนท้าย

ตามคำกล่าวของนางสาวโสราย่า สงครามอาจเกิดขึ้นเนื่องจากเทพเจ้าต้องการการแย่งชิงตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์บนแดนเซเลสเทีย เพื่อประกาศอำนาจเบ็ดเสร็จและทำแผนการเพื่อความรุ่งเรืองของมนุษยชาติตามแบบฉบับของตนให้เป็นจริง หากแต่ใช่ว่าจะมีเทพเจ้าทุกองค์เข้าร่วมสงครามเพื่อชิงตำแหน่งดังกล่าว บางองค์ต้องการเพียงปกป้องอาณาเขต ในขณะที่บางองค์ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวด้วยเลยและพยายามช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากภัยสงครามให้ได้มากที่สุดเท่านั้น

คำอธิบายอีกทฤษฎีหนึ่งคือการฆ่าเทพคือการ ตัด ตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคยมีบนเซเลสเทียออกไป และเทพเจ้าทั้งเจ็ดคือกลุ่มที่เก็บเก้าอี้ของตนไว้ได้โดยการเอาชนะเทพองค์อื่น ๆ หรือได้ขึ้นมาเป็นเทพทีหลังเนื่องจากโค่นเทพองค์เก่าได้ สังเกตุจากการที่ความตายของเทพเจ้าเดคาราเบียนส่งผลให้ “บัลลังก์เทพองค์เก่าต้องพังทลาย” ในขณะที่บาร์บาทอสขึ้นเป็นเทพแทนและได้เป็นหนึ่งในเจ็ดเทพเจ้า

หลังจากที่ระบอบเจ็ดเทพเจ้าถูกตั้งขึ้นมาแทนที่โลกเก่า เทพที่พ่ายแพ้ต่างหนีออกจากทวีป Teyvat และไปหลบภัยอยู่ในทมิฬสมุทร ดินแดนนอกทวีป Teyvat ที่เจ็ดเทพไม่มีสิทธิบงการ เป็นที่รู้จักในปัจจุบันว่าเป็น “เทพชั่วร้าย” หากทว่ายังมีเทพเจ้าบางองค์เลือกจะสวามิภักดิ์กับเจ็ดเทพและบางองค์ถึงกับมีตำแหน่งสำคัญ ดังเช่นเทพหมาป่าแอนเดรียส เป็นต้น

ในมอนด์ชตัดท์

2600 ปีที่แล้ว ในยุคที่สงครามเทพอสูรกำลังเดือดพล่าน เมืองที่มอนด์ชตัดท์เคยเป็นนั้นตั้งอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองใหม่ ปัจจุบันมีชื่อว่า Stormterror’s Lair ในสมัยนั้นมีองค์เทพจ้องประหัตประหารกันอยู่สององค์ ได้แก่เดคาราเบียน เทพแห่งมรสุม และหมาป่าแอนเดรียส กษัตริย์ลมเหนือ สิ่งที่จะได้มาเป็นบาร์บาทอสในกาลนี้ยังเป็นเพียงกระแสลมเล็ก ๆ ภูตน้อยผู้แทบไม่มีพลังใด ๆ เป็นของตนเอง

ในสมัยนั้นมอนด์ชตัดท์เป็นแดนร้างมีแต่น้ำแข็ง หิมะ และพายุหิมะกรรโชกไม่รู้จบ แทบเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเข้าไปอยู่อาศัย ทั้งนี้เป็นผลมาจากอำนาจของแอนเดรียส ผู้ได้รับพลังมาจากเทพเจ้าโบราณซึ่งสิ้นไปนานแล้ว เดคาราเบียนปกป้องราษฎรตัวเองด้วยการขังประชาชนไว้หลังม่านพายุ ไม่ปล่อยให้อะไรเข้าออกทั้งสิ้น แอนเดรียสประกาศสงครามกับเดคาราเบียน แต่ทว่ามิอาจแม้แต่ทิ้งรอยข่วนไว้กับกำแพงลมได้ เดคาราเบียนเองหาได้สนใจหรือมีพลังพอที่จะเอาชนะแอนเดรียส พอใจกับการเก็บคนของตัวไว้ให้ปลอดภัย ทว่าสิ่งที่เดคาราเบียนคาดไม่ถึงคือราษฎรของตนรู้สึกติดกับและบูชาตนเพียงเพราะเกรงกลัวเท่านั้น โดยเทพเจ้ามรสุมคิดไปเองว่าประชาชนสักการะเพราะความเคารพ

บาร์บาทอสผู้ยังเป็นเพียงภูตลมเล็กๆได้มาเป็นเพื่อนกับนักกวีหนุ่มน้อยผู้ฝันอยากมีอิสรภาพ และยังได้ช่วยเหลือตระกูลกึนน์ฮิลเดอร์ที่ทิ้งเมืองเดคาราเบียนมาฝ่าความหนาวเหน็บ ได้ความศรัทธาจากคนในตระกูลเป็นพลัง ในท้ายที่สุดบาร์บาทอสและนักกวีไร้นาม ร่วมมือกันกับนางสาวเอมอสอดีตคนรักเดคาราเบียน และอัศวินผู้หนึ่ง ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกกบฎโค่นล้มเทพเจ้ามรสุม เป็นผู้กำชัยแก่อิสรภาพในท้ายที่สุด หากทว่าทั้งนักกวีและเอมอสต่างสิ้นชีพลงในสมรภูมิ ทำให้บาร์บาทอสเศร้าโศกเป็นอย่างมาก

หลังจากที่เดคาราเบียนสิ้นพระชนม์ลง องค์บาร์บาทอสขึ้นเป็นผู้รับตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์บนเซเลสเทีย กลายมาเป็นเทพวายุองค์แรกและองค์เดียวในหมู่เจ็ดเทพ ในขณะที่เทพหมาป่าแอนเดรียสถึงแม้จะมีฤทธิ์มาก กลับรู้ตัวดีว่าท่านไม่เหมาะจะทำหน้าที่ฟูมฟักมนุษยชาติ ตัวท่านเองไม่ชอบใจระบบสังคมมนุษย์และยอมรับเพียงแต่ทารกผู้เปรียบเสมือนผ้าขาวไว้เลี้ยงดูเท่านั้น ด้วยความที่เชื่อว่าตัวท่านไม่เหมาะกับตำแหน่งเทพเจ้าวายุ เทพหมาป่าจึงเลือกที่จะสลายไป ท่านได้รู้ตัวในวันสุดท้ายว่าพายุหิมะมีแต่จะคร่าชีวิตสัตว์โลก และปล่อยพลังของท่านเองลงไปในผืนดินแห่งมอนด์ชตัดท์ นำพาพายุน้ำแข็งมาถึงจุดจบ

บาร์บาทอสใช้พลังแรกของตนจำแลงกายเป็นนักกวีไร้นามเพื่อเป็นอนุสรณ์ หลังจากนั้นจึงใช้พลังกระแสลมเปลี่ยนโฉมแผ่นดินให้อุดมสมบูรณ์แก่การทำกิน สอนสั่งคุณค่าของอิสรภาพก่อนจะทิ้งราษฎรของท่านไว้ให้จัดการตัวเอง ปฎิเสธที่จะปกครองประชาชนโดยตรงและเสี่ยงต่อการเป็นทรราชย์ไปอีกองค์ เลือกที่จะใช้เวลาเดินทางท่องทวีป Teyvat และชอบไปเยี่ยมเยียนเทพเจ้าศิลามอแร็กซ์ผู้ปกครองเมืองหลีเยว่

ในหลีเยว่

ในระหว่างสงครามเทพอสูร เทพเจ้าศิลามอแร็กซ์ และเทพีธุลีกุยจง ต่างอยู่อาศัยร่วมกันกับเหล่าเซียนและราษฎรของตนในที่ราบกุยหลี เมื่อสงครามปะทุขึ้นเทพทั้งสององค์รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันต้านทานเทพองค์อื่น หากทว่าเทพีกุยจงต้องพลาดท่าสิ้นชีพลง และเทพเจ้ามอแร็กซ์พาราษฎรอพยพไปยังตอนใต้ของภูเขาเทียนเหิง ไปสร้างท่าเรือหลีเยว่ขึ้น

เทพเจ้ามอแร็กซ์ใช้เมืองใหม่เป็นฐานที่มั่นต่อสู้กับเทพเจ้าและอสูรตนอื่นๆ ท่านเอาหอกศิลาระดมยิงเทพและอสูรทะเลไปหลายตนที่บริเวณป่าศิลากืออวิ๋น ในจำนวนนี้มีเทพโอไซอัลและมังกรชือ เมื่อเทพเจ้าสิ้นฤทธิ์ไป เหล่าเสาหินกลางทะเลได้มีฤทธิ์ขึ้นมาแต่ก็แปดเปื้อนแรงอาฆาตและคำสาปต่างๆไปเช่นกัน ส่งผลให้มีปีศาจปรากฎตัว ซึ่งเทพเจ้ามอแร็กซ์ได้ระดมเหล่ายักษาไปจัดการ เมื่อเหล่ายักษาต่อสู้ปราบปีศาจไปหลายกัปเข้า ยักษาทุกตนยกเว้นตนเดียวได้ถูกความคลุ้มคลั่งและโทสะแรงฤทธิ์เข้าครอบงำ ต่างตนต่างสิ้นชีพหรือไม่ก็หายสาบสูญไป มีเหลืออยู่ตนสุดท้ายคืออลาตัส ยังสู้รบตามคำบัญชาไม่จบสิ้น

ในขณะเดียวกัน ฮัฟเรียเทพีแห่งเกลือ ผู้มีใจเมตตาแต่พลังอ่อนแอเมื่อเทียบกับเทพองค์อื่น ได้พยายามหลีกเลี่ยงความวินาศฉิบหายจากสงครามเทพอสูรและถวิลหาวันเวลาอันสงบสุข หากทว่าในยุคสมัยอันโหดเหี้ยมนี้เทพีฮัฟเรียต้องยอมสละดินแดนไปเรื่อยจนกระทั่งตัวท่านและราษฎรเหลือเพียงแผ่นดินเล็กๆนามว่า Sal Terrae ท้ายที่สุดองค์เทพีได้ถูกราษฎรของท่านสังหารสิ้นชีพ เนื่องจากประชาชนรู้ตัวว่าความอารีย์หามีประโยชน์ไม่ในสงคราม พระราชาแห่งราษฎรองค์เทพีเป็นผู้ปลงชีพพระนางเองเพื่อเป็นการประกาศวิถีทางที่เข้มแข็งขึ้นให้ประชาชนดู และเป็นการช่วยให้เทพีท่านจากไปอย่างรวดเร็วเรียบง่ายโดยพ้นมือเทพองค์อื่นๆ หากทว่าเมื่อองค์เทพีสิ้นลงกลับก่อให้เกิดการระเบิดพลังอันรุนแรงอันเปลี่ยนมนุษย์รอบข้างไปเป็นรูปปั้นเกลือ โดยผู้ที่เหลือรอดพากันหนีกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินหลีเยว่ ส่วนใหญ่ตั้งรากฐานอยู่ในท่าเรือหลีเยว่และจัดตั้งโถงหยินเหยียนขึ้น มีลูกหลานเป็นผู้ชำนาญอุตสาหกรรมผลิตเกลือในหลีเยว่

ในอินาสึมะ

เทพเจ้าอัสนีในกาลนั้นสามารถรวบอำนาจทุกเกาะในอาณาเขตขึ้นมาเป็นปึกแผ่นได้ เทพอสรพิษตนหนึ่งจะหวนกลับมาจากทมิฬสมุทรหลังจากที่ถูกขับไล่และได้บันดาลเกาะวาทัตสึมิขึ้นเป็นของตัวเอง เกาะนี้ร่วมกันอยู่อย่างสงบสุขกับเกาะนารุคามิเป็นระยะเวลาหนึ่ง หากทว่าหลังสงครามเทพอสูรจบลงพวกนี้จะยกทัพเข้าประหัตประหารกันต่อ

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *