Eula/เนื้อเรื่อง


Eula/เนื้อเรื่อง

Eula – “อัศวิน Spindrift” ที่ต่อสู้อยู่นอกเมืองตลอดทั้งปีและเป็นทายาทคนสุดท้ายของตระกูลชนชั้นสูงที่ดื้อรั้น
คนที่เกิดเป็นชนชั้นสูงและมีสายเลือดแห่งบาป จะต้องมีทักษะพิเศษในการเอาตัวรอดให้ปลอดภัยจากกำแพงแห่งอคติที่สูงลิ่ว แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่สามารถป้องกันให้เธอตัดขาดจากตระกูลได้ ในฐานะ “อัศวิน Spindrift” ที่ยอดเยี่ยม เธอจึงไล่ล่าศัตรูของ Mondstadt ที่นอกเมืองและทำ “การแก้แค้น” ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอให้สำเร็จ

ข้อความจากออฟฟิเชียลเว็บไซต์

อุปนิสัย

ยูล่าเป็นทายาทของตระกูลขุนนางเก่าแก่ของมอนด์ชดัตท์นามว่าตระกูลลอว์เรนซ์ ตระกูลที่เคยปกครองเมืองมอนด์ชดัตท์ดั่งทรราชย์จนถูกประชาชนโค่นล้ม ยูล่าไม่ชอบคนที่เอาตัวเองไปเหมารวมกับตราบาปของตระกูล มีนิสัยประกาศตัวว่าจะล้างแค้นคนนั้นคนนี้ไปทั่วเพื่อกอบกู้ชื่อสกุลลอว์เรนซ์

ยูล่าเป็นลูกหลานตระกูลลอว์เรนซ์ไม่กี่คนที่สำนึกได้ว่าบรรพบุรุษตัวเองทำกรรมหนักเอาไว้กับชาวเมือง ตั้งแต่ยังเล็กๆได้ถูกจับเข้าระบบอบรมสมบัติผู้ดีของชนชั้นเจ้านายที่เข้มงวดมากจนเรียกได้ว่าไม่ต่างกับทำร้ายเด็ก ยูล่าโตขึ้นมาเกลียดขนบธรรมเนียมของตระกูลตัวเองเข้าไส้ แต่ยังมีใจชอบการเต้นท่าระบำบวงสรวงและนำมาประยุกต์ใช้กับเพลงดาบฟาโวเนียสในภายหลัง ยูล่ามีความสัมพันธ์ห่างเหินกับครอบครัว ที่บัดนี้ตราหน้าตัวเองเป็นผู้ทรยศโทษฐานทิ้งตระกูล ตัวยูล่าเองเคยพูดว่าพร้อมถอนรากถอนโคนเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองถ้าวงศาคณาญาติมีแผนการจะทำร้ายพลเมืองมอนด์ชดัตท์ คิดว่าสมน้ำหน้าแล้วด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่ายูล่าจะแสดงความเย็นชาจากภายนอก เนื้อในแท้จริงแล้วเป็นคนจิตใจดีงาม ดังที่อัศวินแอมเบอร์และซาร่าเจ้าของร้านอาหารยืนยัน

ถึงแม้ว่าจะมีความผิดของบรรพบุรุษเป็นชนักติดหลัง เพื่อนที่ยูล่าหาได้ต่างชื่นชมยูล่าว่าเป็นมิตรแท้พร้อมให้พึ่งพาเสมอ เล่นมุกตลกไม่เหมือนใคร และบรรดาเพื่อนฝูงได้เข้าใจว่าคำพูดคำจาของยูล่านั้นเป็นเพียงผลพวงมาจากบุคลิก เหล่าลูกน้องอัศวินเองต่างก็ภักดีกับหัวหน้าอย่างแม่นมั่น พร้อมทำตามคำสั่งเสมอ

ยูล่าได้เยียนเฟยเป็นเพื่อนต่างแดนหลังจากที่ไปช่วยชีวิตมาจากน้ำมือ Abyss Order เหยียนเฟยเปรียบเทียบความคล้ายคลึงของตนเองกับยูล่าว่าเป็นคนที่ไม่ยอมให้แบบแผนใดๆมาบังคับและพร้อมแก้ปัญหาในแบบของตัวเองกันทั้งคู่

ยูล่าชอบความหนาวความเย็น ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากวิชั่นน้ำแข็ง สภาพอากาศจะร้อนจะหนาวก็ยังจะดื่มเครื่องดื่มเย็นๆตลอดปี ซึ่งชาวมอนด์ชดัตท์มักไม่ค่อยทำกัน

รูปลักษณ์

อัศวินสปินดริฟท์ เมล็ดพันธุ์ของระบบขุนนางในกาลก่อนและหัวหน้ากองลาดตระเวนประจำสำนักอัศวินฟาโวเนียส เหตุผลที่ลูกหลานเจ้านายสมัยโบราณมาสมัครเข้าเป็นหนึ่งในอัศวินยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ข้อมูลตัวละครปรากฏภายในเกม

ยูล่าเป็นหญิงสาวรูปร่างสง่างามมีผิวขาวเนียนและดวงตาสีเหลืองอมม่วง มีผมสีฟ้าอ่อนที่ซีกซ้ายปล่อยยาวกว่าซีกขวาและตัดหน้าม้ายาวถึงคิ้ว ใส่ที่คาดผมสีดำและปิ่นปักผมที่ศรีษะซีกซ้าย บนหลังมีผ้าคลุมไหล่พาดบ่าขวากลัดวิชั่นน้ำแข็งไว้ ผ้าคลุมนี้จะเรืองแสงเมื่อใช้พลังจากวิชั่น

ชุดประจำตัว Wavecrest Waltz ที่ยูล่าสวมถูกบรรยายไว้ว่าเป็นยอดชุดงามที่เฉิดฉายผ่านความเนี้ยบของเครื่องแบบอัศวิน ประกอบด้วยชุดรัดรูปสีดำมีสัญลักษณ์ปีกน้ำแข็งสีเงินประจำตระกูลติดไว้ที่ปลายต้นขาชุด ด้านหลังชุดตัดเว้าเผยให้เห็นแผ่นหลังทั้งแผ่น ชุดด้านหน้าเป็นผ้าโปร่งตั้งแต่ร่องอกลงมาถึงสะดือ เสื้อนอกตัวบนเป็นสีขาวมีแขนยาว ปลายแขนเป็นสีน้ำเงิน หัวไหล่เว้าทั้งสองข้าง มีเข็มขัดคาดใต้หน้าอกรัดชุดท่อนบนเอาไว้

นอกจากชุดแล้วยังผูกเนคไทสีน้ำเงิน ถุงมือดำหนึ่งคู่ข้างในเป็นสีน้ำเงิน ที่ขาใส่ถุงน่องสีน้ำเงินโดยมีรองเท้าบู้ทยาวถึงต้นขาประดับด้วยเครื่องประดับสีเงินสวมทับอีกที ส้นรองเท้าเป็นสีเงินมีเดือย และพื้นรองเท้าเป็นสีน้ำเงิน

เนื้อเรื่องตัวละคร

ข้อมูลตัวละคร

Eula รับหน้าที่เป็น ‘หัวหน้ากองสอดแนม” ที่กองอัศวินแห่ง Favonius

ด้วยหน้าที่ของเธอ ที่ต้องนำทีมออกล่ามอนสเตอร์และ Abyss Order เป็นเวลานาน เธอจึงแทบไม่ได้กลับไปที่ Mondstadt

Eula หรือที่รู้จักกันในนาม “อัศวิน Spindrift” ไม่เยงมีฝีมือในการใช้ดาบที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเก่งทั้งในเรื่องกลยุทธ์และความกล้าหาญ ผู้บัญชาการ Varka เคยให้การประเมินกับเธอไว้สูงมาก โดยเขาเรียกเธอว่าเป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม สามารถเทียบเคียงได้กับ “อัศวิน Dandelion” เลยทีเดียว

การที่มีอัศวินที่ยอดเยี่ยมทั้งสองคนร่วมกันปกป้อง Mondstadt เดิมที่เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่อย่างไรก็ตาม Eula และ Jean ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Eula เป็นทายาทคนสุดท้ายของตระกูล Lawrence ซึ่งเป็นชนชั้นสูง สายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเธอนั้นเหมือนกับกลุ่มคนเลวที่กักขัง Mondstadt ไว้ในความมืด

เนื่องจากภูมิหลังของเธอ ชื่อเสียงของ Eula ในเมือง Mondstadt จึงย่ำแย่อย่างมาก ตระกูล Lawrence เป็นสัญลักษณ์ของความโง่เขลาและการกดขี่ข่มเหงใน Mondstadt ยุคเก่า ซึ่งเทียบเท่ากับความทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร์ในจิตใจของผู้คน

การที่ Eula ปรากฎตัวเปรียบเหมือนการฉีกเปิดแผลเก่านั้นออกมาอีกครั้ง ผู้คนต่างเกลียดชังชนชั้นสูง ดังนั้นจึงแสดงท่ทีกับเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่

แต่อย่างไรก็ตาม Eula ก็เข้าร่วมกับกองอัศวินด้วยความเด็ดเดี่ยว จนได้เลื่อนขั้นถึงตำแหน่งหัวหน้า

เมื่อเผชิญหน้ากับความประหลาดใจและเคลือบแคลงใจต่าง ๆ นานาในเมือง เธอจึงบอกว่าการกระทำทั้งหมดของเธอว่าเป็นการ “แก้แค้น” อย่างไม่ปิดบัง ผู้คนต่างหวาดกลัวกับคำสารภาพที่ตรงไปตรงมา จนครั้งหนึ่งเคยคิดว่าเธอเป็น “สายลับ” ในกองอัศวิน

รักษาการณ์หัวหน้า Jean แห่งกองอัศวินแห่ง Favonius กลับมองเรื่องนี้ในมุมมองที่แตกต่างออกไป เมื่อเธอพูดถึง Eula ท่าทีของเธอดูเป็นมิตรอย่างมาก

“ข่าวลือนั้นไม่เป็นความจริง พวกเขาก็แค่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอัศวิน Spindrift เท่านั้นเอง”

เรื่องราวของตัวละคร 1

(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 2)เธอไม่ได้เป็นเพียงทายาทของตระกูล Lawrence ชนชั้นสูงที่แสนชั่วร้ายเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ที่มีฝีมือดาบที่ดีที่สุดใน Mondstadt ด้วย

สายเลือดแห่งความชั่วร้ายและศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมได้รวมกันจนกลายมาเป็นตัวตนของ Eula

ไม่รู้ว่าจู่โจมเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าจะขโมยอะไรไปตอนไหน… สำหรับชาว Mondstadt แล้ว หัวหน้ากองสอดแนมผู้นี้ก็เป็นเหมือนคลื่นท่ามกลางพายุที่ไม่อาจคาดเดาได้

ด้วยเหตุนี้ Eula จึงต้องทำตัวหยิ่งยโสและเย็นชา ถ้ามีใครกล้ามาสงสัยเธอล่ะก็ เธอจะพูดว่า “กล้ามากเลยนะ ความแค้นนี้ฉันจะจดจำไว้… ”

เธอพัวพันกับความเกลียดชัง และเดินทางอยู่นอกเมืองตลอดทั้งปี บางครั้งก็จะถือดาบเล่มใหญ่และวิ่งไปที่ศูนย์บัญชาการกองอัศวินแห่ง Favonius

ทหารยามที่เข้ามาใหม่ทั้งสอง พอเห็นว่าเธอมาก็กังวลจนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปขวางทาง จึงทำได้แค่มองดูเธอวิ่งตรงไปที่ห้องทำงานของหัวหน้ากอง Jean

แต่ที่แปลกก็คือ หลายชั่วโมงต่อมาก็ยังไม่มีเสียงการต่อสู้ดังออกมาจากในห้องท่างาน

ด้วยความกังวล ทหารยามจึงถามหัวหน้ากองทหารม้า Kaeya และ บรรณารักษ์ Lisa ที่เดินผ่านมา

“หัวหน้ากองสอดแนมคนนั้นกลับมาอีกแล้ว? อะไรนะ วันนี้เธอถือดาบไปหารักษาการณ์ผู้บัญชาการด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวงั้นเหรอ?”

“แย่แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันต้องรีบไปแล้วล่ะ ดื่มชาทั้งที่จะขาดฉันไปได้ยังไงกัน?”

Lisa พูดจบก็รีบเดินไปที่ห้องท่างาน Kaeya ดึงตัวทหารยามทั้งสองออกไปข้างนอก พร้อมทั้งอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า:

“รักษาการณ์ผู้บัญชาการมีสายตาเฉียบแหลม เรื่องนี้พวกคุณรู้ใช่มั้ย? สำหรับกองอัศวิน Favonius สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถไม่ใช่ภูมิหลัง ดังนั้นเธอเลยหาเวลาเรียนรู้การใช้ดาบกับหัวหน้ากองสอดแนม นี่ไม่เพียงแต่ปกป้องศักดิ์ศรีของอัศวินเท่านั้น แต่ยังต่อสู้เพื่อความคับข้องใจในอดีตด้วยล่ะ ฉลาดมากเลยใช่มั้ยล่ะ?”

“อะ อ๋อ…เป็นอย่างนี่นี่เอง” “ดื่มชา มีความหมายว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันนี่เอง…”

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแทบทุกเดือน แต่ว่า… แล้วทำไมการยุติความคับแค้นใจและการแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องดาบถึงไม่มีอะไรดังออกมาเลยล่ะ?

เรื่องราวของตัวละคร 2

(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 3)ในตอนแรกเริ่ม ร้านค้าปฏิเสธที่จะขายสินค้าให้เธอ ร้านอาหารก็ทำเมนูแย่ ๆ ให้เธอ ชาวเมืองในพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ยังไม่ยอมให้ความร่วมมือ งานของ Eula เต็มไปด้วยปัญหามากมาย

ถ้าเกิดข้อพิพาทอะไรขึ้น Eula ก็จะตอบโต้อย่างรุนแรง โดยการอ้างว่า เธอได้บันทึกความแค้นนี้ไว้แล้ว สักวันเธอจะมาเอาคืน คำพูดนี้เป็นเหมือนมนต์สะกดที่เมื่อพูดออกไปแล้วก็จะยุติความขัดแย้งได้อย่างทันท่วงที

ที่น่าสนใจก็คือ Eula ที่ผู้คนต่างหลีกเสี่ยงที่จะพบเจอนั้น กลับปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด และไม่เคยทำร้ายชาวเมือง Mondstadt เลยแม้แต่คนเดียว ถึงท่าทีของเธอจะเย็นชา แต่คำพูดและการกระทำของเธอใช้ได้เลยล่ะ

ผู้คนไม่อาจจะหาความผิดในการกระทำของเธอได้ ความกลัวในใจจึงค่อย ๆ จางหายไป คำพูดว่าจะแก้แค้นของเธอ เป็นเหมือนคำเตือน “เมื่อพูดต้องหยุด” ไปตามธรรมชาติ

Eula คนที่อาจจะทำลายกองอัศวินแห่ง Favonius หรือ Eula คนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นหนอนบ่อนไส้คนนี้… มักเป็นคนที่รับมือได้ยากในสายตาของอัศวินที่มาใหม่เสมอ

เมื่อทหารใหม่นำข้อความจากหัวหน้ากอง Jean ไปแจ้งให้ Eula ที่อยู่ในป่าทราบ ก็มักจะได้คำตอบที่เย็นชาจากเธอว่า “ต้องรบกวนให้ทายาทคนบาปแห่ง Mondstadt ทำงานให้ ดูเหมือนว่าความสามารถของพวกคุณยังคงด้อยอยู่สินะ”

ค่าพูดดูเฉยชามาก แต่ผลลัพธ์ก็คืองานทั้งหมดสำเร็จอย่างสมบูณ์ แม้แต่ทหารใหม่มาถ่ายทอดคำสั่งยังต้องยอมรับ ด้วยความสามารถที่เกินกว่าคน

ธรรมดาเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ Eula สามารถเลื่อนตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็ได้รับตำแหน่งใน “กองสอดแนม” แล้ว

“อัศวิน Spindrift” ผู้เย็นชาและทำตัวห่างเหิน กับชนชั้นสูงที่ทำเรื่องชั่วช้าในกองอัศวิน เป็นคนชั่วร้ายที่เข้าหาได้ยาก… ความจริงเป็นเช่นนั้นอย่างนั้นหรือ?

ระหว่างทางกลับ ทหารใหม่พยายามอย่างหนักที่จะระลึกถึงทุก ๆ การกระทำของหัวหน้ากองสอดแนม Eula

เหตุใดยามที่เธอไม่ได้มองมาที่เขา สายตาของเธอจึงดูใจดีและเข้มแข็งล่ะ? คนที่จริงจังเช่นนี้ ไว้ใจไม่ได้งั้นหรือ?

เรื่องราวของตัวละคร 3

(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4)
อย่างไรก็ตาม Mondstadt เป็นเมืองแห่งอิสรภาพและความสุข แม้แต่ทายาทคนบาปเองก็ยังสามารถมีเพื่อนรักได้

นั่นก็คืออัศวินลาดตระเวน Amber ผู้สื่อสารที่น่าเชื่อถือสำหรับ Eula กับชาวเมือง

เมื่อมี Amber ที่เป็นที่รักของทุกคนไปด้วย ร้านค้าก็จะยอมขายสินค้าในราคาปกติให้กับ Eula ถ้าพวกเขาอารมณ์ดี บางครั้งอาจจะเอ่ยพูดทักทายกับเธอสักประโยคสองประโยค ทุกครั้งที่ถึงเวลานั้น Eula จะนำเสนอภาพลักษณ์ทางสังคมที่ดีที่สุดออกมา

ด้วยเหตุนี้ Amber ผู้มีจิตใจชอบออกไปข้างนอกพร้อมกับ Eula ทั้งยังช่วยทำธุระส่งของใช้ที่จำเป็นไปให้ Eula ถึงที่บ้าน

ส่วนเรื่องความสำเร็จในการต่อสู้ของหัวหน้ากองสอดแนม ชาวเมืองก็จะได้ยินเรื่องนี้ผ่านทาง Amber อยู่บ่อย ๆ ชาวเมืองได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จมากมายของ Eula ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

ในเช้าตรู่ของวันหยุดสุดสัปดาห์ Amber ยืนอยู่บนเวทีชั่วคราวที่สร้างขึ้นจากกล่องไม้เพื่อประกาศสถิติใหม่ของ Eula: “เมื่อเร็ว ๆ นี้ หัวหน้ากองสอดแนมของกองอัศวินแห่ง Favonius ได้ช่วยชีวิตหญิงสาวคนหนึ่งจากท่าเรือ Dornman และด้วยความช่วยเหลือของเธอจึงเริ่มการสืบสวนและกำจัดสมาชิกของ Abyss Order ที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณท่าเรือ ได้ถูกกวาดล้างไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวที่ได้รับการช่วยเหลือคือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่มีชื่อเสียงของ Liyue เนื่องด้วยในเหตุการณ์นั้น สำนักงานการสื่อสารจึงส่งจดหมายถึงกองอัศวินเพื่อแสดงขอบคุณหัวหน้ากองสอดแนม…”

บางทีความพยายามอย่างไม่ลดละของ Amber หรือไม่ความสำเร็จของ Eula ในฐานะอัศวิน อาจเปลี่ยนอคติที่ได้รับจากประวัติศาสตร์ และความกลัวที่ครอบงำความกลัวในใจของชาวเมืองที่อาศัยใน Mondstadt เป็นเวลาหลายปิ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาชีวิตของ Eula ได้เปลี่ยนไป ชาวเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นศัตรูกับเธออีกต่อไป และสมาชิกของกองอัศวินทุกคน ก็ยอมรับในความสามารถในการต่อสู้ของเธอ

สมาชิก “กองสอดแนม” ที่นำทีมโดย Eula สนับสนุนเธออย่างไม่มีเงื่อนไข พวกเขาทำหน้าที่เป็นกองสนับสนุนที่ทรงพลังของเธอ และร่วมปกป้องความสงบสุขรอบ ๆ Mondstadt ไปพร้อมกับเธอ

เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ คนที่ทุ่มเทมากที่สุดและมีความสุขมากที่สุดก็คงจะเป็น Amber พวกเธอรู้จักกันมานานก่อนที่ Eula จะเข้าร่วมกองอัศวิน เธอเชื่อมั่นเต็มร้อยในตัวเพื่อนรักคนนี้ ที่คุณปู่ของเธอฝึกฝนมาด้วยตนเองมาโดยตลอด

เรื่องราวของตัวละคร 4

(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 5)Eula มีประสบการณ์และสามารถทำอาหารออกมาได้ดี ซึ่งแตกต่างจากท่าทีทีเยือกเย็นและดูคมคายในวันปกติ

ทุกวันนี้กองสอดแนมภูมิใจกับ “เสบียงอาหารที่ดีที่สุดในกองอัศวิน” ของพวกเขามาก พวกเขามักจะมีพายรูปพระจันทร์อยู่ในกระเป๋า ซึ่งรสชาติของมันยอดเยี่ยม ผู้คนที่ได้ลิ้มลองต่างก็ชื่นชอบ

คุณเชฟประจำกองเคยบอกไว้ว่า ในตอนที่เธอพัฒนาสูตรอาหารนี้ เธออ้างอิงมาจากขนมที่หัวหน้ากองทำ เธอได้เพิ่มเวลาในการอบเพื่อเพิ่มความเหนียวของเนื้อพาย นอกจากนี้ก็ได้เปลี่ยนวัสดุดิบที่หายากในสูตรอาหาร นอกจากจะลดต้นทุนแล้ว ยังสามารถยืดเวลาในการถนอมอาหารออกไปได้ด้วย

แม้จะผ่านการปรับสูตร แต่ตัวพายก็ยังอร่อยเหมือนเดิม ทุกคนในกองสอดแนมที่กำลังกินขนมอยู่ ต่างอดคิดไม่ได้ว่า: พายพระจันทร์สูตรดั้งเดิมที่หัวหน้าทำ จะอร่อยแค่ไหนกันนะ?

คำตอบสำหรับคำถามนี้ซ่อนอยู่ในหนังสือโบราณในห้องสมุด… แม้ว่ามันจะล่มสลายไปนานแล้ว แต่ตระกูล Lawrence ก็ยังคงหวังที่จะกลับไปเป็นชนชั้นปกครอง เพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับโอกาสที่จะมาถึงนี้ได้ตลอดเวลา พวกเขาจึงเข้มงวดกับการศึกษาและการอบรมบุตรหลานเป็นอย่างมากจนขึ้นสมองเลยล่ะ

สิ่งที่เรียกว่า “หน้าที่ของชนชั้นสูง” คือการไร้ที่ติในทุกด้าน ไม่เพียงแต่มารยาทและวิชาการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำอาหารและงานบ้านด้วย

ตระกูล Lawrence เชื่อว่า “หลังจากถูกปลดปล่อย Mondstadt ก็ได้กลายเป็นเมืองที่ขาดจริยธรรมและรสนิยม ในอนาคตตระกูลจะฟื้นคืนอำนาจ แต่อาจจะไม่สามารถหาคนรับใช้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้ ดังนั้นจะต้องระมัดระวัง อย่าได้ตกลงไปในบ่อโคลนของพวกสามัญชน”

อาจารย์สอนทำอาหารของตระกูล Lawrence นั้นเคร่งครัดเป็นอย่างมาก ในการเตรียมแป้ง หากขาดแป้งสาลีไปเพียงครึ่งช้อน การเตรียมเครื่องปรุงขาดเกลือไปเพียงหนึ่งเม็ด และการนำอาหารออกจากเตาช้าไปเพียงไม่กี่วินาที… สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ถูกตำหนิและถูกลงโทษได้ สำหรับ Eula ฝืมือการทำอาหารที่ผู้อื่นอิจฉานั้น มันเป็นเพียงหนึ่งในผลลัพธ์ไร้ประโยชน์ของการปฏิบัติตามกฎของตระกูลเท่านั้น

ดังนั้นมีเพียงคนที่ได้รับการยอมรับจากเธอเท่านั้นที่ได้… ไม่สิ เฉพาะคนที่เธอยอมรับว่า “ถูกเธอบันทึกความแค้นนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้รู้สึกรำคาญแต่ก็ไม่สามารถบอกตรง ๆ ได้ แต่กลับยังอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอ” เท่านั้น ถึงจะสามารถลิ้มรสขนมที่เธอทำด้วยมือของเธอเองได้

เรื่องราวของตัวละคร 5

(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 6)นอกจากมารยาทดั้งเดิมแล้ว ศิลปะถือเป็น “จิตวิญญาณที่สอง” ที่ชนชั้นสูงให้ความสำคัญมากที่สุด

การเต้นรำบวงสรวง… พิธีกรรมที่ชนชั้นสูงใช้เพื่อแสดงความสูงส่งของตนเอง ซึ่งนี่เรียกว่าการตกผลึกของจิตวิญญาณ เป็นอัญมณีที่เปล่งประกายที่สุดบนคทา

ตามเรื่องเล่าที่ชาวเมืองลือกันมา ก่อนที่ Mondstadt จะอยู่ภายใต้การปกครองนองเลือดของชนชั้นสูง ตระกูลที่ร่ำรวยได้ร่วมกันสร้างการเต้นรำบวงสรวงขึ้นมา

การเต้นร่ำเดี่ยวฉากที่สามคือการเต้นร่ำของตระกูล Lawrence มีชื่อว่า “Flickering Candlelight” ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุดในการเต้นรำบวงสรวง นักเต้นจะมีสถานะสูงส่ง ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นลูกสาวคนโตของตระกูล

เพื่อการออกสเต็ปการเต้นที่เยี่ยมยอด ตระกูล Lawrence จะรวบรวมนักเต้นชั้นนำมาทำหน้าที่เป็นครูสอนเต้นให้กับลูกสาวคนโตของตระกูล นิ้วเท้าที่มีเลือดออกเป็นเพียงการประดับประดาที่มีสง่าราศี ซึ่งนักเต้นทุกคนควรที่จะภาคภูมิใจกับมัน

พิธีกรรมโบราณสืบทอดมาเป็นเวลานาน จนถึงวันนี้หลังจากถูกชาวเมืองขับไล่มาเป็นเวลาหลายปี๊ ตระกูล Lawrence ก็ยังคงรักษาประเพณีนี้ไว้

แต่เมื่อไร้งานเลี้ยงและเวทีอันหรูหราที่เข้ากัน “การเต้นรำบวงสรวง” จึงไม่สง่างามเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป ข้อกำหนดสำหรับการเต้นรำก็ยังผ่อนคลายลงเนื่องจากไม่มีนักเต้นมาสอน ในที่สุดตระกูล Lawrence ก็ไร้อำนาจและมองว่าการเต้นรำเป็นเพียงทักษะสมัครเล่น แทนที่จะเป็นวิชาบังคับ

เมื่อเวลาผ่านไป ภาพเชิงลบที่เกิดจากการเต้นรำประเภทนี้ก็ค่อย ๆ จางหายไป และเหลือเพียงการเต้นรำที่สง่างามเท่านั้น

เมื่อเทียบกับหลักสูตรที่เคร่งครัดเหล่านั้น มันกลับเป็นงานอดิเรกในว้ยเด็กที่ผ่อนคลายเพียงอย่างเดียวสำหรับ Eula ลูกสาวคนโตของตระกูล Lawrence เท่านั้น

ทุกวันนี้ Eula ดูเหมือนจะถูกแยกออกจากศิลปะอย่างสิ้นเชิง ในนามของ “อัศวิน Spindrift” ที่ทุกคนนึกถึงนั้นไม่สามารถเชื่อมโยงเข้ากับการเต้นรำได้เลย

อย่างไรก็ตามคุณภาพศิลปะของการเต้นรำที่เป็นเอกลักษณ์ จังหวะงดงามและไม่อาจพรรณนาได้นั้นได๋ไหลเวียนอยู่ในทักษะการใช้ดาบของ Eula

เมื่อดาบใหญ่ถูกฟาดฟันไปมา รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์และความสง่างามของเธอนั้นดูห่างไกล งดงามและสูงส่งราวกับการเต้นรำใต้พระจันทร์

“แท่งน้ำแข็ง” และ “ฟองคลื่น”

(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4)Eula เป็นคนดูแล “Glacial Seal” ตราประจำตระกูล Lawrence เป็นสัญลักษณ์สูงสุดเกี่ยวกับอำนาจในตระกูล แสดงถึงเจตจำนงที่จะไม่ถูกทำลายของตระกูล Lawrence ในช่วงแรก ๆ ของการบุกเบิก Mondstadt: เยือกเย็นสูงส่ง ไม่เกรงกลัวเปลวไฟแห่งความโกรธแค้น ยืนหยัดนิ่งสงบไม่หวั่นเกรง

ในช่วงเวลาหลายพันปี มีเพียงไม่กี่คนที่ผ่านการทดสอบของตระกูลได้สำเร็จ ซึ่งตราประจำตระกูลนี้จะถูกส่งต่อไปยังพวกเขาพร้อมกับความหวังของตระกูล

Eula ถูกทดสอบตั้งแต่ยังเด็ก แต่กลับผ่านการทดลองอย่างง่ายดาย และได้รับ “Glacial Seal” นั้นมา ด้วยเกียรตินี้ เธอจึงออกจากตระกูลและไม่มีการติดต่อกันอีกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ดาบน้ำแข็งของเธอเป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับความหนาวเย็นราวกับพายุหิมะที่หนาวเหน็บ เพียงพอที่จะขับไล่ใครก็ตามให้ร่นถอยออกไป

ผู้ที่มีใบหน้าสดใสและแพรวพราวราวกับน้ำแข็ง แต่กลับมีชื่อว่า “อัศวิน Spindrift” เมื่อใคร ๆ ได้ยินชื่อนี้มักจะคิดว่าเธอสามารถปล่อยพลังธาตุน้ำได้

เบื้องหลังความเข้าใจผิดเหล่านี้ก็คือนิสัยของเธอนั่นเอง

Eula มักจะพกขลุ่ยกระดูกที่ละเอียดอ่อนติดตัวไปด้วย เมื่อใดก็ตามที่เธอเป๋าขลุ่ยกระดูกจะมีเสียงคลื่นที่ดังอยู่รอบ ๆ ตัวเธอ

ทีมที่เธอเป็นหัวหน้านั้นมีพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้กับชายฝั่ง เสียงคลื่นเป็นตัวช่วยที่ดีมาก มันสามารถรบกวนการตัดสินใจของศัตรู และยังสามารถทำให้มอนสเตอร์ที่โง่เขลาเข้าใจผิดว่าคลื่นยักษ์กำลังใกล้เข้ามาและถอยหนีไป

ด้วยเทคนิคนี้ Eula จึงได้รับชัยชนะหลายครั้งโดยไม่ต้องทำอะไรมาก เนื่องจากกลยุทธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ เธอจึงถูกเรียกว่า “อัศวิน Spindrift”

แน่นอนว่า ขลุ่ยกระดูกสามารถจำลองเสียงได้มากกว่าหนึ่งเสียง Eula เลือกเสียงคลื่นด้วยเหตุผลส่วนตัวของเธอเอง

เมื่อเทียบกันแล้ว คำว่า “Spindrift” นั้นเหมาะสมกับเธอมากกว่าคำว่า “อัศวิน Glacial” เสียอีก

หรือบางทีอาจเป็นเพราะเธอ คลื่นกระทบฝั่งจึงมากกว่าน้ำแข็งที่แสนเยือกเย็น…

การเดินทางไปทั่วโลก และได้เจอกับแนวปะการังและทราย ที่สามารถคงอยู่ได้เมื่อเผชิญกับความรุนแรงที่เหมาะสมนั้น

หากเทียบกับสิ่งกีดขวางที่แหลมคมแล้ว คลื่นที่อิสระและไม่สม่ำเสมอ อาจจะเหมาะสมกับความปรารถนาของเธอมากกว่า

วิชั่น

(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 6)
“ความเกลียดชัง” คืออะไรกันแน่?

เป็นสถานการณ์ที่เยือกเย็น? หรือเป็นอดีตที่โชคร้าย?

แล้ว “การตอบโต้” มีความหมายว่าอย่างไรกัน?

เป็นการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง? หรือขับไล่ศัตรูให้ตกสู่ห้วงแห่งความทุกข์?

การช่วงชิงความรุ่งเรืองของตระกูล การเอาชนะความกลัวของมนุษย์และการกลับสู่จุดสูงสุดของการปกครอง… สำหรับ Eula แล้วสิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญเลยสักนิด

เธอไม่เคยสัมผัสกับความอัปยศอดสู้ แต่ถูกทรมานจากตระกูลของตนเอง การพยายามที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการอันหนักหน่วง มันเป็นเรื่องยากที่จะคนบนโลกจะยอมรับ

ความเกลียดชังและการแก้แค้นของเธอ เป็นเพียงนิสัยความเคยชิน คำเตือนและเกราะกำบังเท่านั้น

ด้วยตัวตนและจุดยืนที่แตกต่างของตัวเอง คำพูดแบบไหนที่ควรจะหัวเราะเยาะ แล้วคำพูดไหนควรที่จะเก็บไว้ในใจล่ะ…

เธอจะต้องต่อสู้อย่างไรให้หลุดพ้นจากสายเลือดที่หนักอึ้งนี้ไปได้…

ด้วยความสงสัยในเรื่องต่าง ๆ Eula จึงได้ทุ่มเทให้กับการเรียนรู้กับอัศวินลาดตระเวนเก่า ๆ ที่ถูกลืมไปนานแล้ว เธอได้เรียนรู้ถึงการเปิดใจและการยืนหยัดบนโลกนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยมีมาก่อนจากครูของเธอ

หากจะเปรียบเทียบความเกลียดชังและการแก้แค้น หรือเปรียบเทียบต้นตระกูลกับคนอื่น ๆ แล้วล่ะก็ ก่อนอื่นจะต้องหา “ตัวตน” ออกมาให้ได้ก่อน

วิธีการเอาตัวรอดของ “ตัวเอง” การป้องกันตัวของ “ตัวเอง” ความเพียรพยายามของ “ตัวเอง”

แม้แต่สิ่งเรียกว่าความเกลียดชังหรือการแก้แค้น ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงนิสัยที่แสนดีและเด็ดเดี่ยวนี้ได้

เส้นทางความเกลียดชังที่อ่อนโยนนี้เป็นของ Eula เท่านั้น ในเสี้ยววินาทีที่เธอพบมัน วิชั่นก็ค่อย ๆ ปรากฎออกมาอย่างเงียบ ๆ

นามบัตร

Eula – Ice-Sealed
วิธีการได้รับ:
ได้รับเมื่อระดับความประทับใจของ Eula ถึง Lv.10
คำอธิบาย:
หัวใจที่เย็นชานั่น เป็นเพียงเกราะที่ไว้ปกป้องตนเองเท่านั้น

กลุ่มดาว

Aphros Delos
 Eula
ความหมาย:
เกลียวคลื่น

เควสต์และกิจกรรม

เควสต์เทพเจ้า
Eula ไม่ได้ปรากฏในเควสต์เทพเจ้าใด ๆ

เควสต์ระดับตำนาน

  • บทแห่งเกลียวคลื่น
    • ฉากที่ 1: ฟองคลื่นไม่หวนคืนสู่ทะเล

กิจกรรม

กิจกรรมในเว็บ

  • ร่วมเดินทางไปด้วยกัน
  • การเดินทางแห่งความทรงจำ
การโต้ตอบของตัวละคร
ตัวละครต่อไปนี้กล่าวถึง Eula ในเรื่องราวของตัวละครหรือเสียงพากย์
ตัวละคร เรื่องราว เสียงพากย์
Jean
Diluc
Amber
Venti
Sucrose
Thoma
Yanfei
0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *