Diluc/เนื้อเรื่อง
ในฐานะของสมาชิกตระกูลที่รวยที่สุดใน Mondstadt ทำให้ Diluc เป็นบุคคลที่เพียบพร้อมอยู่เสมอ ไม่ว่าอย่างไร ภายในตัวเขาก็มีความเป็นอัศวินแห่งความศรัทธาอย่างแท้จริง ความมุ่งมั่นที่จะ “ปกป้องความยุติธรรม” เป็นดั่งไฟที่จะกำจัดทุกศัตรูด้วยพลังทำลายอันไร้ความปราณี
ข้อความจากออฟฟิเชียลเว็บไซต์
ดิลุคเคยเป็นชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบ ผู้ทุ่มเทให้กับงานในกองอัศวินแห่ง Favoniusอย่างเต็มที่ แต่หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรอันเป็นผลมาจากการใช้เนตรมาร และผู้บังคับบัญชาอีรอชสั่งให้ปกปิดเหตุการณ์นี้ ทำให้ศรัทธาได้พังทลายลงและลาออกจากกองอัศวิน แม้กระทั่งหลังจากที่อีรอชถูกปลดออกจากกองอัศวินเนื่องจากเป็นคนทรยศ ก็ยังคงมีความขุ่นเคืองในใจหลงเหลืออยู่ เขากล่าวว่าอัศวินใช้เวลานานเกินไปที่จะจัดการงานนึง แม้ว่าจะยังคงชื่นชมคนบางคนในนั้นเช่นลิซ่าและจีน
เมื่อครั้งที่ยังเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองอัศวิน เขานั้นรักเครปัสผู้เป็นบิดาสุดหัวใจ การได้รับคำชมจากพ่อนั้นมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด และเครปัสยังเป็นผู้กำชับดิลุคให้ซื่อสัตย์ในหน้าที่ของตน หลังจากที่เครปัสเสียชีวิตลง ดิลุคเริ่มระงับความรู้สึกของตนเอง แม้ว่าคำพูดจะดูขมขื่นและไม่พอใจ แต่แท้จริงก็มีนิสัยสุภาพและอ่อนโยน
ดิลุคไม่ชอบดื่มสุรา เพราะไม่ชอบในรสชาติ และจะทำให้มึนเมาซึ่งอาจส่งผลกระทบต่องาน เขาชอบดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้ำองุ่นและแอปเปิลไซเดอร์ และได้ให้คำสั่งว่าให้พัฒนาขึ้นหลังจากกลับมาที่ Mondstadt เรื่องนี้เป็นที่รู้กันเพียงน้อยคน ซึ่งคงเป็นผลมาจากการเป็นเจ้าของผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ที่สุดของมอนด์ชตัดท์
ลักษณะภายนอก
เจ้าของกิจการโรงผลิตไวน์แห่งอาณาจักรใน Mondstadt ไม่มีใครเทียบเคียงได้ในทุกทาง
ข้อมูลตัวละครปรากฏภายในเกม
ดิลุคเป็นชายรูปร่างผอมสูงผิวออกซีด มีดวงตาสีแดงและผมสีแดงสดซึ่งไว้เป็นหางม้าต่ำยาวไปถึงกลางหลัง ดวงตามีลักษณะครึ่งซีกมักทำให้สีหน้าค่อนข้างดูเบื่อหน่ายโกรธเคืองหรือไม่พอใจในบางสิ่ง
ดิลุคสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ และเสื้อกั๊กสีขาวตัวยาวและเน็กไทขนาดกว้างสีดำประดับอัญมณีสีแดง เสื้อคลุมหนาสีน้ำตาลเข้มและประดับด้วยลายและพู่สีทองส่วนท้ายเป็นขนสีดำ กางเกงขายาวสีดำประดับด้วยโซ่ที่ต้นขาขวา ในขณะที่วิชั่นที่ติดอยู่กับเข็มขัดจะวางอยู่บนต้นขาซ้ายพร้อมกับรองเท้าบู๊ตสีน้ำตาลเข้มที่มีเข็มขัดรองเท้าอยู่หลายอัน
ดิลุคยังสวมถุงมือสีดำซึ่งเขามีนิสัยชอบจัดปรับตึงถุงมือ ด้านฝ่ามือเป็นสีแดงทั้งหมดในขณะที่ด้านหลังมือมีเพชรสีแดงที่เข้ากัน
และคุณ Diluc เจ้าของ “Dawn Winery” ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไวน์นั้นก็กินสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของตลาดใน Mondstadt ซึ่งนั่นหมายความว่าเข้าได้ควบคุมการไหลเวียนของกระแสเงินตราและการพูดคุยไร้แก่นสารในโรงเตี๊ยมไว้เรียบร้อยแล้ว
ในอีกความหมายถึงก็สามารถพูดได้ว่าเป็นราชาผู้ไร้มงกุฎแห่ง Mondstadt
เรื่องราวของตัวละคร 1
(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 2)
บรรยากาศของเมืองใน Mondstadt นั้นมักจะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเหล้าเสมอ
ซึ่งหากจะตามหาแหล่งที่มาล่ะก็ กลิ่นหอมจะนำพาคุณไปยัง “Dawn Winery” ของคุณ Diluc อย่างแน่นอน
แผ่นป้ายที่ทำจากไม้ผลบอกชื่อของโรงกลั่นอย่างภาคภูมิใจ ด้านล่างยังมีตัวอักษรเล็ก ๆ ไม่กี่ตัวเขียนอยู่บนนั้น:
“อย่าลืมเรื่องราวทั้งก่อนหน้า และหลังจากนี้”
ความเข้าใจของผู้คนในคติพจน์นี้ก็ คือรสชาติของเหล้าจากโรงกลั่นนั้น จะเหมือนเดิมเสมอดังเช่นความหวัง ที่มาพร้อมกับแสงสว่างในยามเช้า
แต่กับเหล่าอัศวินแห่ง Favonius ผู้เอาการเอางานมักจะนึกถึงประวัติศาสตร์ของการเกื้อกูลซึ่งกันและกันระหว่างโรงกลั่นเหล้าและเมือง Mondstadt
บางครั้งจะมีการจัดงานเลี้ยงขึ้นในสวนด้านใน ซึ่งมักจะมีคนนำลูกสาวมาแนะนำให้กับเจ้าชายผู้มากความสามารถที่ยังไม่ได้แต่งงาน
โดยผลที่ได้ก็มักจะสร้างรอยยิ้มได้เสมอ”โชคดีนะที่คุณ Diluc นั้นรักอาชีพของเขาราวกับเป็น ภรรยาของตนเอง พวกเราจึงมีเหล้าชั้นเลิศอย่างนี้ให้ดื่มกัน”
ไม่ว่าใครจะเข้าหาเพื่ออะไร ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรมา การปฏิบัติของเขานั้นก็จะเข้มงวดอยู่เสมอ
ในความรู้สึกทั้งหมดนั้น Diluc เป็นสุภาพบุรุษที่โดดเด่นไร้ที่ติ
เรื่องราวของตัวละคร 2
(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 3)
คุณ Diluc นั้นไม่ชื่นชอบในการพูดคุยถึงเรื่องราวในอดีตของตนเอง
“ถ้าคุณ Diluc ยังอยู่ในกองอัศวินล่ะก็ อย่างนั้นมันคงจะเยี่ยมไปเลยนะ”
เหล่าอัศวินที่อยู่มานานพอนั้นเมื่อได้ดื่มเหล้าก็มักจะบ่นออกมาอย่างนี้เสมอ
นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว พ่อของ Diluc คุณ Crepus ซึ่งก็คือเจ้าของคนเก่าของ Winery ชั้นหวังที่จะได้เห็นลูกชายกลายเป็นอัศวินที่ยอดเยี่ยมที่สุดและคอยปกป้อง Mondstadt
Diluc นั้นยึดมั่นที่จะปฏิบัติตามความต้องการของพ่อของเขาอย่างเสมอมา และยังคงปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตามกฎของตระกูล Ragnvindr โดยหลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบของอัศวินและคำสาบานของการดูแล Mondstadt แล้วเขาก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นอัศวินและได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้ากองทหารม้าที่อายุน้อยที่สุดด้วยประสิทธิภาพการทำงานของเขา
ผ่านภารกิจและการตรวจสอบลาด ตระเวนนับครั้งไม่ถ้วน ผู้คนใน Mondstadt นั้นได้รู้จักกับ Diluc หัวหน้ากองทหารม้าหนุ่มผู้แสนกระตือรือร้น
ไม่ว่างานจะหนักหนาเพียงใด ความประพฤติและความกระตือรือร้นของอัศวินนั้นจะไม่มีวันจางหายไป และไม่ว่าความท้าทายจะยากลำบากเพียงใดก็ยังจะเป็นดาบในแนวหน้าเสมอ รอยยิ้มของเหล่าอัศวินเพื่อนร่วมรุ่นของและการยกย่องจากชาวเมืองนั้นทำให้เด็กหนุ่มผมแดงยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…
“ทำได้ดีมาก สมแล้วที่เป็นลูกของฉัน”
คำชมเชยของ Crepus ผู้เป็นพ่อนั้นจุดประกายไฟที่ไม่มีวันดับที่หน้าอกของ Diluc ซึ่งเป็นกำลังใจให้เขาก้าวเดินต่อไป
ไฟแห่ง “ศรัทธา” ลุกไหม่ในหัวใจของเขาอย่างร้อนแรงและยั่งยืน
…Diluc ในสมัยก่อนนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มอย่างที่กล่าวมานี้
เรื่องราวของตัวละคร 3
(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4)
“บางครั้งชีวิตของคนเรานั้นก็เปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว”
เส้นทางอัศวินของ Diluc ได้จบลงหลังจากคำพูดนี้ของพ่อของเขา
วันนั้นคาราวานของเขาและพ่อถูกโจมตีโดยมอนสเตอร์
เรื่องเกิดขึ้นเร็วมากจนทำให้ไม่ทันได้ติดต่อกับกองอัศวินแห่ง Favonius และมอนสเตอร์ตัวนั้นก็แข็งแกร่งมากอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนจนทำให้เด็กหนุ่มผู้เป็นหัวหน้ากองทหารม้านั้นไม่สามารถทำอะไรได้
การเผชิญกับสถานการณ์ครั้งนั้นเกินกว่าความคาดหมายของ Diluc ไปมาก… พ่อผู้ไม่ได้รับการยอมรับจากเทพเจ้า… พ่อผู้ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวิน แต่กลับสามารถควบคุมและใช้พลังที่ไม่เคยรู้จักและไม่เคยได้เห็นมาก่อน โค่นมอนสเตอร์ตัวนั้นลงได้. จากนั้นพลังชั่วร้ายก็ย้อนกลับมาทำร้าย และทำให้เขาต้องตายอยู่ต่อหน้าของ Diluc
Diluc ผู้จมอยู่กับความเศร้าโศกและความสงสัยได้กลับไปที่กองศวินแห่ง Favonius แต่แล้วเขากลับได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่า… “ห้ามบอกความจริงกับใครโดยเด็ดขาด”
Eroch ได้กำชับกับเขาว่าเพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงของกองอัศวิน การตายของบิดาของเขานั้นให้ถือ ว่าเป็นเพียง “อุบัติเหตุที่แสนโชคร้าย” เท่านั้น
เมื่อได้ยินคำสั่งที่แสนจะไร้สาระนี้ Diluc ก็ไม่แม้แต่จะคิดหาคำอธิบายอีกต่อไป
พ่อของเขานั้นเคยพูดไว้ว่าโลกไม่เคยทำให้ผู้ที่มีศรัทธาต้องผิดหวัง
แต่แล้วทำไมศรัทธาของเขากลับสวนทางกันกับกองอัศวินแห่ง Favonius กันล่ะ?
Diluc ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะทอดทิ้งทุกอย่างรวมถึงไปถึง “วิชั่น” ด้วยและถอนตัวจากการเป็นอัศวิน
เขาจะล้างแค้นให้กับพ่อของเขาและขณะเดียวกันก็จะสืบหาต้นตอของพลังชั่วร้ายที่พ่อของเขาใช้ว่ามีที่มาอย่างไร
เรื่องราวของตัวละคร 4
(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 5)
ทอดทิ้งคุณสมบัติของอัศวินและ วิชั่น จากนั้น Diluc ก็สั่งให้หัวหน้าสาวใช้จัดการดูแล งานของร้านเหล้าและออกจาก Mondstadt ไปตัวเปล่า ๆ
ระหว่างการเดินทางไปยังประเทศ ทั้งเจ็ด Diluc ก็ค่อยๆเข้าใกล้ความลับที่เขากำลังค้นหามาโดยตลอด
โดยเบาะแสทั้งหมดนั้นชี้ไปยัง “Fatui” .. องค์กรขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง ซึ่งพวกมันกำลังแอบเลียนแบบ “วิชั่น” เพื่อสร้าง “เนตรมาร” ขึ้นมาอยู่ โดยอุปกรณ์นี้สามารถขยายขีด ความสามารถของผู้ใช่ให้ไปถึง ขีดสุดได้ และในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งผล กระทบย้อนกลับที่แสนอันตราย ซึ่งนั้นคือพลังอันชั่วร้ายที่ทำให้ Crepus ต้องตาย
ที่พ่อค้นหาพลังที่ชั่วร้ายขนาดนี้ จะบอกว่าเพื่อความยุติธรรมอย่างนั้นเหรอ?
จนถึงทุกวันนี้ความจริงก็ยังไม่ปรากฏ แต่จนกว่าเขาจะเข้าใจความจริงทั้งหมด Diluc ก็ยังคงปฏิเสธที่จะหนี
Diluc เริ่มต้นการออกล่าราวกับพญาอินทรีที่อยู่เหนื่อป่าที่บ เบาะแสนลึกลับและการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้นต่างก็ไม่สามารถทำให้ เปลวไฟในหัวใจของเด็กหนุ่มมอดดับไปได้ ซึ่งแม้จะเหนื่อยล้าแค่ไหนแต่เขาก็ไม่มีวันที่จะหยุดก้าวเดินต่อไป เจตนารมณ์ของเขานั้นเป็นดั่งพายุที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงคอยปัดเป่าความสับสนว้าวุ่นให้หายไป
ท่ามกลางความมืดมิดเหล่าผู้บริหารทั้งสิบเอ็ดคนซึ่งเป็นผู้นำของ “Fatui” กำลังรอคอยผู้เสาะหาความจริงอยู่ อย่างเงียบ ๆ ซึ่งการทำลายแหล่งกบดานของ พวก Fatui ซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นบีบบังคับให้พวกเขาต้องออกโรงด้วยตัวเอง
ระหว่างช่วงเวลาแห่งความเป็น ความตายนั้น Diluc ได้รับความช่วยเหลือโดยสายสืบ ของหน่วยข่าวกรองใต้ดินจาก แดนเหนือ ซึ่งสายสืบคนนั้นได้อ้างว่าตนนั้นได้ทำการ “สังเกต” เขามาได้สักพักแล้วและยอมรับใน วิธีการจัดการของเขา
Diluc ตื่นขึ้นจากความโกรธที่ยาวนานและเริ่มมองกลับไปยังทุกอย่างในอดีต เขาตระหนักได้ถึงข้อบกพร่องและตกลงที่จะเข้าร่วมเครือข่ายข่าวกรองตลอดชีวิตที่เหลือของเขา
เช่นเดียวกับตอนที่เข้าร่วม กองอัศวินใหม่ ๆ Diluc ปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยความจริงจัง เขาใช้ทั้งพรสวรรค์กับความสามารถพิเศษที่มีและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงของเครือข่ายข่าวกรอง
องค์กรนั้นประกอบไปด้วยอาสาสมัครซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วต่างก็เป็นนักสู้ที่ทอดทิ้ง ทั้งเอกลักษณ์และชื่อเสียงไป
กับการทำงานกับเพื่อนร่วมงานเช่นนี้ ศรัทธาของ Diluc ที่หายไปจากการเสียชีวิตของพ่อของเขาจะสามารถกลับคืนมาอีกครั้งได้มั้ยนะ?
เรื่องราวของตัวละคร 5
(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 6)
“อย่าลืมเรื่องราวทั้งก่อนหน้าและ หลังจากนี้” เบื้องหลังของคติพจน์นี้ถูกโต้แย้งกันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่สำหรับ Diluc แล้ว มันมีความหมายที่เรียบง่ายและชัดเจนอยู่แล้ว
“ความชั่วที่ต้องสะสาง ไม่เคยลืมเลื่อน และไม่เคยลืมว่ารุ่งเช้าที่แท้จริงจะมาถึงในสักวัน”
Diluc อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาเป็นเวลาสามปี
สี่ปีต่อมา Diluc ได้กลับมายัง Mondstadt และสืบทอดต่ำแหน่งเจ้าของกิจการของครอบครัวอย่าง Dawn Winery
ในช่วงสี่ปีนี้ Eroch ได้ถูกกำจัดจากอัศวินแห่ง Favonius หลังจากถูกยืนยันว่าเป็นกบฎ และผู้บัญชาการ Varka ได้ออกไปจากเมืองไป Jean จึงได้ขึ้นมาเป็น “รักษาการณ์ผู้บัญชาการ”
การกลับมาของเจ้าของ Dawn Winery น่าจะเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนไปทั้ง Mondstadt แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครรับรู้เลย
เหตุผลน่ะเหรอ? เป็นเพราะชาวเมือง Mondstadt ต่างให้ความสนใจกับ “ผู้พิทักษ์” แห่ง Mondstadt ลึกลับคนหนึ่ง
สิ่งที่พอจะรู้เกี่ยวกับผู้พิทักษ์นิรนามคนนี้ก็คือ มักจะมีกลิ่นไหม้จากตัวเขา ท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืนนั้น เปลวไฟก็ได้เผยให้เห็นเงาของเขาชั่วขณะก่อนที่เขาจะหายตัวไป
ร่างของอสูรที่เคยรุกราน Mondstadt ได้ถูกกำจัดอยู่ในปารกร้าง… แต่แล้วจู่ ๆ โจรที่ Mondstadt ต้องการตัวมากที่สุดได้ปรากฎตัวขึ้น โดยห้อยหัวลงมาจากรูปปั้นเทพเจ้า… กองอัศวินแห่ง Favonius ทั้งหมดถูกส่งตัวไปจัดการ Abyss Mage จอมชั่วร้าย แต่เมื่อพวกเขาไปถึงกลับพบว่า ศัตรูถูกฆ่าไปนานแล้ว…
จากการพูดคุยขณะที่เขาเมามาย ก็ได้ทำให้เรื่องราวกับผู้พิทักษ์ลึกลับคนนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็กลายเป็นที่รู้จักในชื่อว่า “Darknight Hero”
ในสายตาคนอื่นนั้น ดูเหมือนคุณ Diluc จะไม่ชอบฮีโร่คนนี้นัก เขามักจะแสดงสีหน้าขยะแขยงทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อนี้
Elzer แห่งสมาคมไวน์เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้และได้เคยถาม Diluc เป็นการส่วนตัวว่า: ที่เขาแสดงออกว่าไม่ชอบ Darknight Hero นั้นเป็นแค่การแสดงเพื่อไม่ให้กองอัศวินรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ใช่หรือไม่?
แต่ Diluc ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดและตอบไป แบบห้วน ๆ ว่า:
“ฉายานี่ช่างเชยซะจริง ๆ”
ไวน์แอปเปิ้ลของ Dawn Winery
(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4)
Diluc ดูแลกิจการโรงไวน์แต่ตัวเขาเอง กลับไม่ได้ชอบไวน์เลย
Dawn Winery จึงได้พัฒนาเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ตามคำร้องขอของ Diluc ซึ่งบรรดาชาว Mondstadt ที่ไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้แต่อยากดื่มอะไรสักอย่างนั้น ต่างพากันสนับสนุนสิ่งนี้
หนึ่งในเครื่องดื่มเหล่านี้มีเครื่องดื่มรสผลไม้ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “Apple Cider Vinegar” ซึ่งยอดขายในแต่ละเดือนนั้นพอ ๆ กับ Dandelion Wine เลยทีเดียว
ผู้คนต่างรู้สึกว่าคุณ Diluc นั้นมีมาตรฐานต่อคุณภาพของไวน์ที่ค่อนข้างสูง เขาคงไม่ดื่มพวกเครื่องดื่มธรรมดาที่พบได้ทั่วไปแน่นอน
บางคนก็คิดว่าไวน์นั้นทำให้คุณ Diluc คิดถึงพ่อดังนั้นเขาจึงไม่อยากแตะต้องมัน
Diluc ได้ตอบคำถามที่ซักไซ้เหล่านี้ว่า: แอลกอฮอล์จะทำให้มึนเมา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่องานของเขา
แต่สิ่งที่ทำให้คนไม่เข้าใจก็คือ: งานที่เจ้าของโรงกลั่นไวน์แบบเขา ทำในชีวิตประจำวันนั้นเป็นงานแบบไหนกัน ถ้าเขาจะไม่แตะแอลกอฮอล์เลยสักหยด?
วิชั่น
(ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 6 และสำเร็จเควสต์ “หลักฐานการไม่อยู่ของ Darknight Hero”)
ในชีวิตของ Crepus นั้นมีเรื่องที่เสียใจอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือเขาไม่เคยได้เป็นอัศวิน สองคือไม่เคยได้รับวิชั่น
ดังนั้นในขณะที่ Diluc ได้รับวิชั่นนั้น เขาคิดว่าเทพเจ้าได้ยอมรับใน ความปรารถนาของเขาและพ่อ… ในที่สุดเขาก็สามารถทำให้พ่อภูมิใจได้แล้ว
อีกไม่กี่ปีต่อมา พ่อของเขาได้เสียชีวิตลงในวันที่มืดมน ความหวังและความฝันที่ลุกโชนอยู่ในวิชั่นของ Diluc กลับดับมอดลงในค่ำคืนที่ฝนโปรยปรายมานั้น
ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะซื่อตรงและจิตใจดีแค่ไหน ความตายก็ย่างกรายมาเยือน โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
หรือเรื่องราวของการผดุงความเป็นธรรมจบลงเพียงแค่นี้?
การได้ครอบครองวิชั่น และการที่ได้เป็นอัศวินนั้น ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี ที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถรักษาสิ่งที่มีค่าที่สุดเอาไว้ได้ เขาจึงตัดสินใจว่าคงถึงเวลาที่จะสละทั้งสองสิ่งนี้แล้ว
เมื่อเขาตระหนักถึงความอ่อนแอ และไร้ซึ่งพลังใด ๆ ของตัวเอง วิชั่นของเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เป็นภาระ
เขาไม่ต้องการชื่อเสียงจอมปลอมอีกแล้ว แต่เขาต้องการไฟอันร้อนแรง และความศรัทธาที่แน่วแน่ มีเพียงความศรัทธาที่แน่วแน่เท่านั้นที่จะสามารถขับเคลื่อนผู้แสวงหาความจริงไปข้างหน้าได้ และเปลวไฟที่ร้อนแรงเท่านั้น ที่สามารถกำจัดน้ำแข็งที่ผนึกความเป็นธรรมนั้นเอาไว้
ในวันที่ Diluc กลับมายัง Mondstadt นั้นวิชั่นก็ได้กลับมาเคียงข้างเขาอีกครั้ง ประสบการณ์ต่าง ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้ Diluc เติบโตขึ้น และกลายเป็นฮีโร่ที่สืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อเขาได้ต่อสู้เพื่อ Mondstadt ในทุกค่ำคืน
เขาไม่ได้พูดถึงอดีต แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอดีตเช่นกัน
สำหรับผู้ที่หลงทางนั้น วิชั่นจะเป็นแสงไฟนำทางที่เทพเจ้ามอบให้
แต่สำหรับผู้ที่มีความศรัทธาที่แน่วแน่ วิชั่นจะช่วยเสริมพลังเป็นแบบอย่างของความมุ่งมั่น และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงประสบการณ์และเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา
นามบัตร
Diluc – Burning | |
---|---|
วิธีการได้รับ: ได้รับเมื่อระดับความประทับใจของ Diluc ถึง Lv.10 |
|
คำอธิบาย: เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ คุณ Crepus มักจะวาดภาพนกอินทรี แต่เค้าไม่เคยคิดมาก่อนว่านกอินทรีที่ร้อนแรงเช่นนี้จะมาจากฝีมือของเขาเอง |
กลุ่มดาว
Noctua | ||
---|---|---|
ความหมาย: นกฮูก |
การโต้ตอบของตัวละคร
ตัวละคร | เรื่องราว | เสียงพากย์ |
---|---|---|
Barbara | ✘ | ✔ |
Diona | ✔ | ✔ |
Eula | ✘ | ✔ |
Jean | ✘ | ✔ |
Kaeya | ✔ | ✔ |
Lisa | ✘ | ✔ |
Mona | ✘ | ✔ |
Razor | ✘ | ✔ |
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!