La Signora


แม่หญิงงาม

La Signora

แม่หญิงงาม

ชื่อจริง

Rosalyne-Kruzchka Lohefalter

ธาตุ

ไฟ (Crimson Witch)
น้ำแข็ง (เนตรมาร)

ภูมิภาค

Snezhnaya
Mondstadt

ฝ่าย

Fatui
Eleven Fatui Harbingers
สถาบัน Sumeru

สมญานาม

ผู้บริหารอันดับที่แปดของ Fatui
La Signora

Signora (อ่านว่า ซินญอร่า) ผู้มีนามแฝงว่า “The Fair Lady” (“แม่หญิงงาม”) และนามจริงว่า Rosalyne-Kruzchka Lohefalter คือผู้บริหารอันดับที่แปดในสิบเอ็ดผู้บริหารแห่ง Fatui และทำหน้าที่เป็นตัวร้ายรองในเนื้อเรื่องในเควสต์เทพเจ้าบทต้น ๆ Signora เป็นผู้บริหารที่ปรากฎตัวเป็นคนแรกในเกมเมื่อนางดักซุ่มและชิงโนซิสออกไปจากอก Venti นักเดินทางยังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ไม่รู้ลืมและเกิดความเคลือบแคลงกิจกรรมทุกรูปแบบของกลุ่ม Fatui มานับแต่นั้น

เมื่อเวลาห้าร้อยปีก่อนนางจะมาเข้ากับกลุ่ม Fatui โรซาลินเคยเป็นหญิงสาวธรรมดาจากประเทศ Mondstadt ผู้เคยไปศึกษาเล่าเรียนที่ สถาบัน Sumeru เมื่อคนรักของนางนามว่าอัศวินรอสแตมสิ้นใจลงในวันมหาหายนะ โรซาลินตรอมใจด้วยเพลิงแค้นเกินต้านทานและได้ใช้พลังจากศาสตร์เพลิงเหลวเปลี่ยนร่างของตนไปเป็นเปลวเพลิงมีชีวิต ได้รับสมญากระฉ่อนเป็นตำนานในนามแม่มดพระเพลิงแดง

โปรไฟล์

เปิดตัว

Signora ปรากฎตัวในตอนท้ายเควสต์เทพเจ้าอารัมภบท ฉากที่ 3 หลังจากที่นักเดินทางได้คืนสติให้ดวาลินและคืนพิณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ให้กับศาสนจักรฟาโวเนียสเป็นที่เรียบร้อย โดยมาพร้อมกับทีมสายลับและนักเวทย์ Fatui ดักซุ่ม Venti นักเดินทางและไพม่อนขณะกำลังออกจากโบสถ์ Signora โผล่เข้าตะครุบตัวทั้งสามหน่ออย่างรวดเร็ว แช่แข็งไพม่อนและพัดจนปลิวกระเด็น แช่แข็งเท้า Venti ให้อยู่กับที่ไปไหนไม่ได้ในขณะที่ทีมสายลับพุ่งเข้ากดตัวนักเดินทางเอาไว้กับพื้น Signora พูดจาถากถางความอ่อนด้อยของ Venti กายหยาบของเทพเจ้าที่นางชิงชังเป็นการส่วนตัว ก่อนจะโดน Ventiด่าคืน ด่ากันไปด่ากันมา Signora โมโหจนแทงมือเข้าไปกลางอก Venti ควักเอาโนซิสออกมาอยู่ในมือ เตะ Venti กระเด็นทิ้งทวนอีกทีหนึ่งและเดินจากไปก่อนที่จะมีอัศวินแห่ง Favoniusมาพบเจอ

Signora กลับมาปรากฎตัวอีกในเควสต์เทพเจ้าบทที่ 1 ฉากที่ 3 ยืนคุยอยู่ Childe และ Zhongli เขายกโนซิสในมือให้นางโดยง่ายตามพันธะสัญญาที่ทำไว้กับพระนาง Tsaritsa นางยกย่องสุนทรพจน์ของ Zhongli ต่อเมือง Liyue ว่า “ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก” ก่อนจะพูดจาดูแคลนใส่ทั้ง Childe และนักเดินทาง ก่อนจะเดินทางไปรายงานความสำเร็จกับพระนางซาริทซาร์

Signora ได้ออกโรงเป็นครั้งสุดท้ายในฉากที่ 3 ของเควสต์เทพเจ้าบทที่ 2 ขณะนางกำลังเข้าเฝ้าพระนางโชกุนในปราสาทเทนชูคาคุ นางโอ้อวดสถานะที่ตนเป็นทูตจากแดนสเนซนาย่า และได้ลงมือทำร้ายแม่ทัพ Kujou Sara จนหมดสติต่อหน้าพระพักตร์ก่อนที่นักเดินทางจะทันมาถึง นักเดินทางปะติดปะต่อได้ว่า Signora คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนร้ายทุกชนิดของกลุ่ม Fatui ในอินาสึมะ ตั้งแต่ฎีกาคำสั่งล่าวิชั่นไปจนถึงการแจกจ่ายเนตรมารให้แก่กองทัพต่อต้านของ Sangonomiya และท้าดวลเดี่ยวกับ Signora ต่อหน้าบัลลังก์ ในขณะประลองห้ำหั่นกัน Signora ได้งัดเอาพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาใช้ ก่อนจะหวนกลับมาอยู่ในร่างเดิมของตัวเองหลังจากที่นักเดินทางเอาชนะตนได้ และอ่อนพลังลงอย่างมาก ตามกฎของการประลองนางต้องถูกประหารด้วยพระหัตถ์พระนางโชกุน ก่อนจะถึงฆาตนางยกสถานะทูตสเนซนาย่าของตัวเองขึ้นมาขู่ก่อน เมื่อสถานะทูตไม่ได้ผลนางด่ากราดทั้งพระนางโชกุนและนักเดินทางว่าเป็นพวกหนูโสโครกและได้ถูกลงทัณฑ์โดยเดชดาบมุโซ โนะ ฮิโตตาชิ ถูกกระแสอัสนีมหาศาลเผาไหม้กลายเป็นเศษเถ้า

อุปนิสัย

Signora เปิดตัวออกมาเป็นคนปากร้ายอหังการ์เป็นอย่างยิ่ง นางแสดงความเกลียดชัง Barbatos ออกมาอย่างไม่อายใคร กล้าเรียกเรียกเทพเจ้าวายุเป็น “เทพสวะ” ด้วยความที่มีข่าวกรองอยู่แล้วในฐานะสิบเอ็ดผู้บริหารว่าบาร์บาทอสมีพลังอ่อนแอที่สุดในหมู่เจ็ดเทพ Signora ยังแสดงอาการโมโหอย่างมากเมื่อ Venti ดูถูกว่าตัวเองมีอำนาจขึ้นมาได้ก็เพราะมี Tsaritsa อนุเคราะห์ ก่อนจะทำร้ายร่างกายอย่างแรงและชิงโนซิสไป เนื่องจากยังอาฆาตมาเป็นร้อยปีว่าบาร์บาทอสงอมืองอเท้าไม่ลุกขึ้นมาชี้นำบ้านเมืองในวันมหาหายนะจนเป็นเหตุให้คนรักของนางต้องตายทางอ้อม

ด้วยเหตุนี้ Signora จึงมีอากัปกิริยาเปลี่ยนไปเป็นหลังมือขณะคุยข้อตกลงกับ Zhongli เรื่องอนุสัญญาที่Zhongliทำกับองค์จักรพรรดินีซาริทซาร์ ถึงจะยังแสดงนิสัยดูถูกนักเดินทางและพูดจาเย้ยหยัน Childe Signora ปฎิบัติตัวมีอารยะต่อหน้าเทพเจ้าศิลาผู้มีประวัติปกปักษ์บ้านเมืองในสงครามเทพอสูรและชี้นำราษฎรมาเป็นร้อยปี มีความเป็นมืออาชีพถึงขนาดปิดเรื่องข้อตกลงเอาไว้จากไชลด์ที่เป็นผู้บริหารด้วยกันได้มิดชิด ความสามารถที่แม้กระทั่งZhongliยังต้องออกปากชม

Signora ดูเหมือนจะมีคติประจำใจว่ามีแต่ผู้แข็งแกร่งที่จะรอดในโลก เชื่อมั่นในฝีมือตัวเองและมีคำกล่าวเรื่องความแข็งแกร่งไปทั่ว นางยังไม่เห็นคุณค่าใดๆอีกต่อไปในชีวิตมนุษย์ กล่าวกับนักเดินทางขณะเข้าเฝ้าพระนางโชกุนว่าคนจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของนาง ไชลด์ยังกล่าวด้วยว่าเวลา Signora ฝึกทหารใหม่จะเอาจริงเล่นถึงตายเสมอ

รูปลักษณ์

Signora เป็นผู้หญิงสูงโปร่งรูปร่างระหงผิวขาวเนียน มีผมสีแพลตินั่มบลอนด์ ตาสีเทาจาง สวมหน้ากาก Fatui ไว้อยู่เหนือหน้าผาก ปิดตาขวาไว้ และมีต่างหูสีดำอยู่ที่หูซ้าย มีอาวุธคล้ายสื่อเวทย์ลอยอยู่ที่ไหล่ขวา

ชีวประวัติ

ก่อนเข้ากลุ่ม Fatui

โรซาลินเคยใช้ชีวิตเป็นหญิงพรหมจรรย์อยู่ในเมือง Mondstadt ในอดีต 500 ปีที่ผ่านมา นางชื่นชอบการขับร้องและได้มาตกหลุมรักเข้ากับอัศวินรอสแตม ในช่วงเวลาหนึ่งก่อนวันหายนะ รอสแตมได้ยกนาฬิกาน้ำสั่งทำพิเศษให้แก่นางเอาไว้ดูเวลาเมื่อไปศึกษาเล่าเรียนที่วิทยาลัยสุเมรุ เมื่อครั้งอยู่ที่วิทยาลัยนางอาจเคยเป็นผู้ศึกษาศาสตร์ควบคุมพลังธาตุไฟ แต่ไม่มีผู้ใดรู้วิธีการที่นางใช้ควบคุมอาคม

เมื่อโรซาลินกลับมายังบ้านเกิด นางได้รู้ว่าอัศวินรอสแตมถูกสังหารกลางสมรภูมิต้านสัตว์ประหลาดในวันหายนะและโศกเศร้ากับการจากไปของคนรักเหลือแสน เมื่อนางไว้ทุกข์ให้รอสแตมเสร็จนางได้สายานว่าจะใช้ “เพลิงชีวิต” ของตัวเองในการเผาผลาญ “ความจัญไรแห่งโลก” กลายมาเป็นแม่มดพระเพลิงแดง ละทิ้งร่างมนุษย์ของตนเองและปล่อยให้เพลิงเหลวไหลเวียนในกายแทนเส้นเลือดด้วยวิชาลับที่หายสาบสูญไปกับประวัติศาสตร์ แผดเผาหน้าตาและสร้างความปวดแสบปวดร้อนแก่ตัวนางนัก ถึงแม้ว่าเป้าหมายหลักของนางจะเป็นภูตผีปีศาจและสัตว์ประหลาดทั้งหลาย คนธรรมดาทั่วไปต่างหวาดกลัวนางนัก

ชีวิตเมื่อเข้ากลุ่ม Fatui

ก่อนที่นางจะถูกพิษเพลิงของตนเองเผาผลาญเป็นเพียงเถ้า ผู้บริหาร Pierro ได้พบเจอนางและรับเข้าเป็นพวก โรซาลินได้รับพระราชทานเนตรมารน้ำแข็งจากสมเด็จพระนางเจ้าซาริตซาและเปลี่ยนอัตลักษณ์ไปเป็นนางSignoraและปัดเป่าอดีตของตนทิ้งไปหมดสิ้น

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *